5 เทรนด์กินอาหารเพื่อลดน้ำหนัก แบบไม่ต้องอดแต่ต้องเลือกให้เหมาะ!

5 เรื่องเข้าใจผิดการดีท็อกซ์ร่างกาย ย้ำยาระบายไม่ช่วยลดน้ำหนัก

กำลังอยู่ในช่วงเร่งรีดน้ำหนัก ฟิตหุ่น เตรียมความพร้อมที่จะคัมแบคอีกครั้ง สำหรับ “ฮั่น เดอะสตาร์” หรือ “ฮั่น อิสริยะ ภัทรมานพ" หลังจากก่อนหน้านี้เคยประสบปัญหาน้ำหนักพุ่งพรวดกว่า 108 กิโลกรัม จนกลายเป็นหนุ่มหุ่นหมีชนิดที่แทบไม่เหลือเค้าโครงหนุ่มนักแดนซ์เท้าไฟเลยคำพูดจาก เว็บสล็อตแท้

ล่าสุด หนุ่มฮั่น มาอัปเดตชีวิตการทำงาน สุขภาพ ตลอดจนแรงบันดาลใจที่จะมุ่งมั่นรีเซ็ตตัวเองใหม่ในรายการ Rise & Shine ชีวิตดีเริ่มที่ตัวเรา” ทางพีพีทีวี ช่อง 36

ฮั่น เดอะสตาร์ เล่าถึงเป้าหมายในการลดน้ำหนักว่า "ที่ผ่านมาน้ำหนักตัวขึ้นถึงจุดสูงสุดเลยก็ว่าได้ โดยน้ำหนักขึ้นสูงถึง 108 กิโลกรัม ซึ่งปัญหาก็มาจากการตามใจปาก เคยทานข้าวเหนียวหมูปิ้งคนเดียว 40 ไม้ และข้าวเหนียว 10 ห่อ และทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปครั้งเดียวมากถึง 15 ห่อมาแล้ว จนถึงจุดที่คิดว่าจะต้องรีเซ็ตตัวเองใหม่

ผมมองว่าการรีเซ็ตมุมมองต่อตัวเองใหม่เป็นเรื่องสำคัญ เมื่อก่อนผมแคร์คนรอบข้างเยอะมาก ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร ถ้ามีคนทักว่าอ้วน ผมก็จะกลับบ้านไปไม่กินและ หรือไปเจอคนหุ่นดี เราก็จะเอาไปเปรียบเทียบ ทำไมเราถึงไม่ได้แบบเขา แล้วเราก็ขะพยายามทำ แต่ก็ทำได้ช่วงหนึ่ง

แต่ตอนนี้ผมว่าผมร้กตัวเองเป็น รู้จักตัวเองมากขึ้น คือคำว่ารู้จักตัวเองมันดูเหมือนง่าย แต่ผมไม่เคยถามตัวเองมาก่อนเลยว่า ผมชอบอะไร เก่งอะไร จนเกิดปัญหา

ก็เริ่มต้นด้วยการค่อย ๆ ชนะใจตัวเองไปทีละนิด จนตอนนี้น้ำหนักลดลงไป 25 กิโลแล้ว ภายในระยะเวลา 3 เดือน เคล็ดลับที่สำคัญได้แก่ การรับประทาน และการสร้างกล้ามเนื้อด้วยการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง และสุดท้ายคือ การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ โดยกำหนดว่าใน 1 วัน จะต้องทำให้ได้อย่างน้อย 1 อย่าง

และอีกอย่างที่สำคัญคือสภาพแวดล้อม ทำที่บ้านก็ออกกำลังกายได้ แต่ 2-3 วันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม เดี๋ยวค่อยทำนะ ผมเลยเปลี่ยนมาออกที่ยิม เพราะที่นี่เราได้เจอเพื่อน ได้เจอมุมมองการออกกำลังกายใหม่ๆ จากเขา รวมถึงคอนเทนต์ก็สำคัญถ้าดูแต่เรื่องของกิน เราก็จะเจอแต่ของกิน แต่ถ้าเราดูเรื่องออกกำลังกาย เรื่องนี้ก็จะมาเรื่อยๆ ดูแล้วมันก็มีไฟ

ส่วนความกดดันเรื่องน้ำหนัก ผมมองว่าอย่าโฟกัสเรื่องตัวเลข ทุกเช้าให้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง ที่รูปร่างและจิตใจแทนจะเป็นการลดน้ำหนักที่ยั่งยืนกว่า"

อย่างไรก็ตามเมื่อน้ำหนักตัวมากขึ้น ก็จะมีปัญหาสุขภาพตามมาคือ โรครองช้ำ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการชอบออกกำลังกายโดยการวิ่ง อาการเริ่มแรกมาจากอาการปวดเข่า และเจ็บที่ส้นเท้า จนทำให้มีปัญหาเรื้อรังจนกลายเป็นโรครองช้ำในที่สุด

ด้าน พญ.ปวีณา วิมลวัตรเวที แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูผู้สูงอายุ โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน อธิบายถึง สาเหตุของ “โรครองช้ำ” ว่า โรคนี้เกิดจากการอักเสบของพังผืดใต้ฝ่าเท้า ซึ่งมักมีอาการปวดบริเวณส้นเท้า ตอนตื่นนอนมาเมื่อเดินลงน้ำหนักก็จะมีอาการเจ็บแปลบ เหมือนมีอะไรมาทิ่มแทงที่ส้นเท้า อาการจะเป็น ๆ หาย ๆ

สาเหตุหลักมาจากการที่เท้ารับน้ำหนักตัวมากเกินไป การเดินมาก ๆ วิ่งมาก ๆ หรือใส่รองเท้าที่แข็งหรือบางเกินไป รวมถึงส้นเท้าที่ผิดรูป เช่น อุ้งเท้าแบนหรืออุ้งเท้าสูงมากเกินไป

อาการเหล่านี้มักพบได้ในคนวัยอายุ 40-60 ปี เนื่องจากความเสื่อมของพังผืดใต้ฝ่าเท้าทำให้มีการยืดหยุ่นน้อยลง ส่วนวิธีรักษานั้นแพทย์จะให้คนไข้รับประทานยาแก้ปวด หรือยาแก้อักเสบ รวมถึงให้คนไข้พักการใช้งานเท้าระยะหนึ่ง หรือใช้แผ่นเสริมฝ่าเท้าที่เหมาะสมกับรองเท้า หรือการใช้ Shock-wave therapy หรือใช้คลื่นเสียงกระตุ้นบริเวณพังผืดใต้ฝ่าเท้า เพื่อลดการอักเสบและรักษาเฉพาะจุด โดยแพทย์จะหลีกเลี่ยงการฉีดยากลุ่มสเตียรอยด์ เพราะอาจทำให้ชั้นไขมันบริเวณส้นเท้าบางลงได้

กินน้อยแต่ทำไมน้ำหนักไม่ลงสักที? ใครบ้างควรปรึกษาแพทย์เรื่องลดน้ำหนัก?

“เครื่องดื่มไม่มีน้ำตาล” ทำหิวง่าย-อ้วนขึ้นแนะทริคดื่มน้ำลดน้ำหนัก

“ฮั่น อิสริยะ” เผยเคล็ดลับลดน้ำหนักไม่ให้โยโย่ พร้อมวิธีห่างไกลโรครองช้ำ

admin